เมื่อทำการก่อสร้างโครงสร้างเหล็ก เพื่อให้มั่นใจถึงความแข็งแรง ความมั่นคง และความทนทาน ระบบค้ำยันเป็นองค์ประกอบสำคัญในกระบวนการก่อสร้าง มาสำรวจแนวคิด การจำแนกประเภท และหลักการออกแบบของระบบค้ำยันในโครงสร้างเหล็กผ่านบทความต่อไปนี้จาก Pebsteel
ดูเพิ่มเติม: 8 ขั้นตอนการติดตั้งโครงสร้างเหล็ก ฉบับมืออาชีพ
1. Bracing คืออะไร?
Bracing คือ ระบบค้ำยันในโครงสร้างเหล็กไม่ใช่เพียงส่วนเล็กๆ ของโครงสร้างแต่เป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะในโครงสร้างประตูเหล็ก บทบาทของระบบค้ำยันยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น
ระบบค้ำยันช่วยให้โครงสร้างทั้งหมดและส่วนประกอบแต่ละส่วนมีความมั่นคง ส่งแรงด้านข้างไปยังฐานรากและการติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ สำหรับโครงสร้างที่ซับซ้อน ระบบค้ำยันยังมีบทบาทสำคัญในการปรับความแข็งของโครงสร้างและการกระจายแรงอย่างเท่าเทียมและเหมาะสม ซึ่งจะช่วยเสริมความสมบูรณ์ของโครงสร้าง
2. ประเภทของระบบค้ำยัน (Bracing) ในโครงสร้างเหล็ก
2.1 ระบบค้ำยันแนวนอนหลังคา
ระบบค้ำยันแนวนอนหลังคาในโรงงานอุตสาหกรรมมักทำจากโครงเหล็กเบา โดยมักติดตั้งที่ปลายทั้งสองด้านตามแนวนอน ที่ปลายบล็อกอุณหภูมิ และสามารถติดตั้งในบางพื้นที่ภายในโรงงาน ตำแหน่งการติดตั้งขึ้นอยู่กับความยาวของโรงงาน โดยให้แน่ใจว่าระยะห่างระหว่างค้ำยันไม่เกินห้าเสาคาน
แถบค้ำยันแนวทแยงในรูปกากบาทจะเชื่อมต่อกับขอบล่างของคานสองเสาที่ติดกันในระบบค้ำยันแนวนอนหลังคา แถบค้ำยันแนวทแยงอาจทำจากเหล็กมุม เหล็กรอบ หรือสายเหล็กชุบสังกะสีที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 12 มม. นอกจากนี้ เมื่อติดตั้งระบบค้ำยันแนวนอนหลังคา จะต้องติดตั้งแถบรองรับแนวตั้งเพิ่มเติมที่ทำจากเหล็กโปรไฟล์ที่จุดต่าง ๆ เช่น จุดสูงสุดของหลังคา ปลายคาน และฐานหลังคา
ในอาคารอุตสาหกรรมที่มีระบบเครน การเพิ่มแถบค้ำยันแนวทแยงตามปลายคานจะเพิ่มความแข็งในแนวตั้งในโครงแนวนอน ส่งแรงด้านข้างจากลมและการทำงานของเครนไปยังโครงที่อยู่ใกล้เคียง
ระบบค้ำยันแนวนอนหลังคาของโรงงานเหล็กสำเร็จรูปมักประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ระบบค้ำยันขอบบน ระบบค้ำยันขอบล่าง และระบบค้ำยันแนวตั้ง ระบบค้ำยันเหล่านี้จำเป็นต้องออกแบบตามมาตรฐานระยะห่างที่กำหนดไว้
2.2 ระบบค้ำยันเสา
ในโครงสร้างเหล็ก ระบบค้ำยันเสามีหน้าที่ในการสร้างบล็อกแข็งที่ทำให้โครงสร้างทั้งหมดมั่นคงและสามารถทนต่อแรงในแนวตั้ง ความแข็งในแนวตั้งของโครงเหล็กในโรงงานมักจะต่ำเนื่องจากถูกออกแบบมาในแนวนอนเป็นหลัก ระบบค้ำยันเสาจึงมีความสำคัญในการทำให้ความแข็งของโครงเหล็กในโรงงานสมดุล
ระบบค้ำยันเสาพร้อมกับคานเครนและเสาสองเสาที่ประกอบกันช่วยเพิ่มความแข็งในแนวตั้งของโรงงาน เมื่อมีแรงในแนวตั้งเกิดขึ้น เช่น แผ่นดินไหว ลม หรือแรงเบรคจากเครน แรงเหล่านี้จะถูกส่งจากเสาผ่านคานเครนไปยังระบบค้ำยันเสาและสุดท้ายลงสู่ฐานราก ทำให้แรงเหล่านี้มีผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของโครงสร้างเหล็กน้อยลง
ระบบค้ำยันเสาของโครงเหล็กในโรงงานประกอบด้วยแถบค้ำยันแนวทแยงที่วางอยู่ในช่วงเสาด้านบนและด้านล่าง โดยเฉพาะในตำแหน่งที่มีระบบค้ำยันหลังคา ขึ้นอยู่กับว่าต้องการใช้เครนหรือไม่ ขนาดที่เหมาะสมสำหรับแถบค้ำยันแนวทแยงจะถูกพิจารณาและจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม
3. หลักการออกแบบระบบค้ำยัน (Bracing) ในโครงสร้างเหล็ก
เมื่อออกแบบระบบค้ำยันสำหรับโครงสร้างเหล็ก บริษัทก่อสร้างต้องใส่ใจในหลักการต่อไปนี้:
- การส่งแรงในแนวตั้งอย่างเหมาะสมและลดเส้นทางการส่งแรงให้น้อยที่สุด
- การสร้างความมั่นคงของระบบโครงสร้างภายนอกแผ่นและจัดให้มีจุดรองรับด้านข้างเพื่อยึดโครงสร้างทั้งหมดและส่วนประกอบของมัน
- การทำให้ง่ายต่อการติดตั้งโครงสร้าง
- การตอบสนองความต้องการความแข็งแรง ความแข็ง และมีการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย
ค้ำยันเป็นส่วนประกอบสำคัญในโครงสร้างเหล็ก โดยเฉพาะในโครงสร้างอาคารเหล็กสำเร็จรูป เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความยืนยาวของการก่อสร้าง พร้อมกับปฏิบัติตามหลักการออกแบบ การเลือกบริษัทก่อสร้างที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์ในสาขานี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง Pebsteel บริษัทชั้นนำระดับโลกที่เชี่ยวชาญในการสร้างอาคารเหล็กสำเร็จรูปคุณภาพสูงและโครงสร้างเหล็กเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ด้วยทีมวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญและปรัชญาการใช้วัสดุเกรดสูงที่สุดในการก่อสร้าง Pebsteel มุ่งมั่นที่จะให้บริการที่ครอบคลุมและเป็นมืออาชีพ พร้อมการสนับสนุนอย่างทุ่มเทสำหรับธุรกิจของคุณ
4. สรุป
ข้างต้นคือข้อมูลเกี่ยวกับระบบค้ำยันในโครงสร้างเหล็กและหลักการออกแบบที่สำคัญบางประการ หากลูกค้าต้องการโซลูชันที่ครอบคลุมสำหรับอาคารเหล็กสำเร็จรูปและโครงสร้างเหล็ก กรุณาติดต่อ Pebsteel ทางอีเมลที่ [email protected] หรือโทร +66 2258 4639-41
