คุณกำลังค้นหา

<p>เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุม โรงแรมทวาราวดีรีสอร์ท จังหวัดปราจีนบุรี Pebsteel ได้รับเกียรติให้เป็นผู้สนับสนุนงาน iMC Roadshow ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเสริมทักษะการบริหารจัดการในยุคดิจิทัล ภายใต้หัวข้อ “AI for Industry and Business” โดยมีผู้ประกอบการกว่า 50 รายจากหลากหลายอุตสาหกรรมมาร่วมงานและนำเสนอผลิตภัณฑ์โดยตรง งานนี้เป็นโอกาสสำคัญในการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้และการแนะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับชาติ เช่น กลุ่ม WASTE ZERO, ENERGY ENGINE ENGINEER (3E), และ AGRI-FOOD PROCESSING ที่นำเสนอนวัตกรรมและโซลูชั่นที่สามารถนำไปปรับใช้ในธุรกิจ Pebsteel ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนงานนี้ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจในยุคดิจิทัล</p>

<p>1. โครงสร้างเหล็ก คืออะไร โครงสร้างเหล็ก คือ การก่อสร้างอาคารที่ทำจากเหล็กรูปพรรณ (*) ที่มีรูปร่างเฉพาะ โดยรูปแบบที่ใช้ต้องมีความสอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนด&nbsp; และมีองค์ประกอบทางเคมีที่เฉพาะเจาะจง เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละโครงการ โดยปัจจุบันมีความต้องการในการสร้างอาคารโครงสร้างเหล็กเพิ่มขึ้นและใช้ในหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็น สะพาน สนามกีฬา คลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ (*) เหล็กรูปพรรณเป็นวัสดุหลักที่เลือกนำมาใช้ในการก่อสร้าง ถูกออกแบบด้วยรูปร่างและองค์ประกอบทางเคมีเฉพาะเพื่อตอบสนองความต้องการของโครงการต่างๆ ซึ่งจะดีกว่าคอนกรีตในเรื่องการรับแรงดึง ความสามารถในการรับแรงดึงที่ดีกว่านี้เป็นคุณสมบัติสำคัญของเหล็กรูปพรรณ ตามข้อกำหนดเฉพาะของโครงการ ส่วนประกอบเหล็กสามารถมีรูปร่าง ขนาด และความหนาที่แตกต่างกันไป โดยผ่านกระบวนการรีดร้อนหรือรีดเย็น ในขณะที่บางส่วนมีการผลิตโดยการเชื่อมแผ่นเรียบหรือแผ่นโค้งเข้าด้วยกัน รูปทรงทั่วไปได้แก่ I-beams,เหล็กกล้าความเร็วสูง , เหล็กรางน้ำ, เหล็กฉาก และแผ่นเหล็ก 2. รูปแบบหลักของโครงสร้างเหล็ก รูปแบบหลักโดยทั่วไปของโครงสร้างเหล็กมีดังนี้: การเข้าใจข้อดีและข้อเสียของระบบเหล็กโครงสร้างที่แตกต่างกัน นับเป็นสิ่งสำคัญในการออกแบบโครงการให้ถูกต้องตามความต้องการเฉพาะของแต่ละโครงการก่อสร้าง 3. ข้อดีและข้อเสียของโครงสร้างเหล็ก โครงสร้างเหล็กเป็นทางเลือกที่นิยมและเชื่อถือได้สำหรับโครงการก่อสร้างหลากหลายประเภท ตั้งแต่อาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม สะพาน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เนื่องจากมีข้อดีของเหล็กโครงสร้างที่หลากหลาย เช่น: อย่างไรก็ตาม เหล็กโครงสร้างก็มีข้อเสียบางอย่าง แต่สามารถเอาแก้ไขได้ด้วยวิธีที่เหมาะสมในค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม 4. คุณสมบัติของเหล็กรูปพรรณ เหล็กเป็นโลหะผสมที่ประกอบด้วยเหล็กและคาร์บอน [&hellip;]</p>

<p>การติดตั้งระบบไฟฟ้าในระหว่างการก่อสร้างคลังสินค้าและโรงงานโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มความปลอดภัยและความแม่นยำ ซึ่งส่งผลให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและยั่งยืน บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนโดยละเอียดของการติดตั้งระบบไฟฟ้าและปัจจัยที่ควรพิจารณา ข้อกำหนดของระบบไฟฟ้าที่เสถียรในการก่อสร้างคลังสินค้า ระบบไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญในการให้พลังงานที่เสถียรสำหรับกิจกรรมการผลิตและธุรกิจในคลังสินค้า เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ระบบไฟฟ้าจะต้องตอบสนองความต้องการดังต่อไปนี้: 1.1 ความน่าเชื่อถือ 1.2 คุณภาพของพลังงาน 1.3 ความปลอดภัย 1.4 ประสิทธิภาพ 1.5 รองรับการปรับขนาด ขยายเพิ่มได้ 1.6 ความคุ้มค่า 2. การเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบที่เหมาะสมสำหรับโรงงานและโกดังโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูป การเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบที่เหมาะสมมีบทบาทสำคัญต่อความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และการเพิ่มประสิทธิผลในการดำเนินธุรกิจและการผลิตในโกดัง ต่อไปนี้เป็นปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับโกดัง 2.1 ความต้องการในการใช้พลังงานไฟฟ้า 2.2 สภาพแวดล้อมการใช้งาน 2.3 มาตรฐานทางเทคนิค 2.4 แบรนด์ที่เชื่อถือได้ 2.5 ตัวอย่างอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับการก่อสร้างโกดัง 3. โครงสร้างการกระจายไฟฟ้าในการก่อสร้างโกดัง 3.1 การกระจายไฟฟ้าแรงสูง (HT): 3.2 การกระจายไฟฟ้าแรงกลาง (MT): 3.3 การกระจายไฟฟ้าแรงต่ำ (LV): 4. ขั้นตอนเริ่มต้นสำหรับการติดตั้งระบบไฟฟ้าในการก่อสร้างโกดัง 4.1 การประเมินสถานที่ 4.2 การวางแผนการติดตั้งระบบไฟฟ้าสำหรับการก่อสร้างโกดัง 4.3 การขออนุญาตและการอนุมัติที่จำเป็น [&hellip;]</p>

<p>เพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพของโครงหลังคาเหล็กและโครงสร้างเหล็กมีความเหมาะสมก่อนนำไปใช้งาน ผู้เชี่ยวชาญจำเป็นต้องตรวจสอบส่วนประกอบต่าง ๆ ตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง การตรวจสอบโครงหลังคาเหล็กครอบคลุมการทดสอบและตรวจสอบวัสดุที่ใช้กับโครงหลังคาเหล็ก การเชื่อมต่อสลักเกลียว และวัสดุอื่น ๆ ในบทความนี้เปปสตีลชวนรู้ กระบวนการตรวจสอบโครงสร้างเหล็กตามมาตรฐาน ไปอ่านกันเลย อ่านเพิ่ม:&nbsp;The Process of Structural Steel And Plate Fabrication 1. การตรวจสอบขนาดและความเรียบของโครงหลังคาเหล็ก ‘ขนาด’ เป็นปัจจัยสำคัญในการตรวจสอบของโครงหลังคาเหล็ก ขนาดของส่วนประกอบเหล็กต้องเป็นไปตามขนาดที่ระบุในแบบและค่าที่ยอมรับได้ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดทางเทคนิค การรักษาความตรงในสองทิศทางเป็นสิ่งสำคัญ เพราะชิ้นส่วน เช่น คานเหล็กและโครงเหล็ก มักมีแนวโน้มที่จะแอ่นในแนวตั้งภายในระนาบและแอ่นในแนวนอกระนาบ นอกจากนี้เสาเหล็กยังมีแนวโน้มที่จะเอียงและบิดตัว การตรวจสอบความเรียบของโครงหลังคาเหล็กสามารถทำได้ด้วยการตรวจสอบด้วยสายตา ช่างเทคนิคอาจดึงเหล็กแท่งหรือเส้นลวดบางระหว่างคานกับจุดรับน้ำหนักของโครง จากนั้นจึงวัดค่าความเอียงและการเบี่ยงเบนในแต่ละจุด การวัดความเอียงของเสาเหล็กสามารถทำได้โดยใช้กล้องสำรวจหรือใช้ตุ้มน้ำหนัก 2. การตรวจสอบการเชื่อมต่อของโครงหลังคาเหล็ก หากมีแผ่นเชื่อมต่อ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าขนาดและความหนาของแผ่นเชื่อมต่อเป็นไปตามข้อกำหนด ผู้เชี่ยวชาญสามารถใช้คาลิปเปอร์วัดความเรียบ วัดรูสลักเกลียว และตรวจหาตำหนิหรือรอยแตกเฉพาะจุดได้ การตรวจสอบการเชื่อมต่อสลักเกลียวสามารถทำได้ด้วยการตรวจสอบด้วยสายตาและการเคาะด้วยค้อน และความแน่นของสลักเกลียวสามารถตรวจสอบได้อีกครั้งด้วยประแจ ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการเชื่อมต่อของสลักเกลียวความแข็งแรงสูง การตรวจสอบรอยเชื่อมสามารถทำได้โดยใช้อุปกรณ์ตรวจจับข้อบกพร่องด้วยคลื่นเสียงหรือการทดสอบด้วยรังสี 3. การทดสอบการกัดกร่อน การกัดกร่อนเกิดจากปฏิกิริยาเคมีหรือปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมีกับสภาพแวดล้อม วัสดุเหล็กมีความไวต่อการเกิดสนิมในสภาพแวดล้อมที่ชื้น การตรวจหาการกัดกร่อนในโครงหลังคาเหล็กสามารถใช้เครื่องมือวัดความหนาและคาลิปเปอร์ในการวัดได้ 4. การทดสอบสีทนไฟ การทดสอบสีทนไฟเป็นขั้นตอนสำคัญในการตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้าง โดยเฉพาะโครงการที่ต้องเจอกับความร้อนสูงต่อเนื่อง มาตรฐานของสีทนไฟกำหนดว่า [&hellip;]</p>

<p>ด้วยการพัฒนาของภาคอุตสาหกรรม โครงการก่อสร้างจำเป็นต้องมีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความทนทาน ปัจจัยความปลอดภัย เช่น ความต้านทานไฟ และชิ้นส่วนแต่ละส่วนมีมาตรฐานการประเมินที่แยกต่างหาก มาดูกันว่ามาตรฐานการออกแบบโครงสร้างเหล็กล่าสุดในปี 2025 มีอะไรบ้างกับ Pebsteel ในบทความนี้ ดูเพิ่มเติม: การติดตั้งโครงสร้างเหล็ก 1. มาตรฐานการออกแบบเหล็กที่เป็นไปตามข้อบังคับของแต่ละประเทศ มาตรฐานการออกแบบเหล็กของเวียดนาม มาตรฐานการออกแบบเหล็ก TCVN 5575:2012 มีที่มาจากรัสเซีย สำหรับมาตรฐานการก่อสร้างในเวียดนาม ทุกกระบวนการต้องเป็นไปตามวิธีการและกระบวนการออกแบบ รวมถึงปัจจัยความปลอดภัยดังต่อไปนี้: ดังนั้นมาตรฐานการออกแบบเหล็กในเวียดนามจึงเน้นความแข็งแรงของโครงสร้างเหล็กเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการบิดตัวมากเกินไป ตามมาตรฐาน TCVN ความแข็งแรงคำนวณจากสูตร: ความแข็งแรงมาตรฐาน / ปัจจัยความปลอดภัยของวัสดุ สำหรับน้ำหนักที่คำนวณได้จะคำนวณตามสูตร: น้ำหนักมาตรฐาน * ปัจจัยความเชื่อถือได้ของน้ำหนัก ตามมาตรฐานโครงสร้างเหล็กของเวียดนาม TCVN 2737:1995 ถูกนำมาใช้เป็นค่าคำนวณน้ำหนักของโครงสร้างเหล็ก ความเร็วลมจะถูกวัด 3 วินาที กับ 20-year cycle โดยมีการคำนวณความดันลมตามแรงดันลม ไม่ใช่ความเร็ว สำหรับวัตถุที่มีรูปร่างเป็นบล็อก ค่าสัมประสิทธิ์แอโรไดนามิกถูกกำหนดตามผลการวัดแรงดันจากแบบจำลองแอโรไดนามิกในอุโมงค์ลม ดูเพิ่มเติม: กระบวนการผลิตเหล็กโครงสร้างและแผ่นเหล็ก มาตรฐานการออกแบบโครงสร้างเหล็กของสหรัฐอเมริกา AISC 89/ASD นอกเหนือจากมาตรฐานการออกแบบในเวียดนามแล้ว วิธีการออกแบบโครงสร้างเหล็กตามมาตรฐานของสหรัฐอเมริกายังเป็นตัวเลือกยอดนิยมของผู้รับเหมาในปัจจุบัน [&hellip;]</p>

<p>สลักเกลียวสำคัญอย่างไรในการสร้างโครงสร้างอาคารเหล็ก ? ในการก่อสร้างโครงสร้างอาคารเหล็ก การเชื่อมต่อด้วยสลักเกลียวหรือที่เราได้ยินคุ้นหูว่า &#8220;โบลท์&#8221; หรือ &#8220;น๊อตตัวผู้&#8221; นั่นเอง สลักเกลียวนั้นเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างโครงสร้างอาคารเหล็ก การใช้สลักเกลียวมีหน้าที่ในการเชื่อมต่อ ประกอบ และเชื่อมโยงชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้กลายเป็นระบบ โดยสลักเกลียวจะจับยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกันตามหลักการแรงเสียดทานระหว่างน็อตและเกลียวของสลักเกลียว มาศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้าง การจำแนกประเภท และการจัดวางสลักเกลียวในบทความนี้ไปกับ Pebsteel! 1. การเชื่อมต่อสลักเกลียวในโครงสร้างอาคารเหล็ก สลักเกลียวในโครงสร้างอาคารเหล็กมักประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก คือ ตัวสลักเกลียว หัวสลักเกลียว น็อต และแหวนรอง ซึ่งมีหลากหลายขนาดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมในการก่อสร้าง 1.1 ตัวสลักเกลียว ตัวสลักเกลียวเป็นส่วนเหล็กทรงกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลาง (สัญลักษณ์: d) ขนาด 12 ÷ 48 มม. ขนาดที่ใช้บ่อยคือ d = 20 ÷ 30 มม. เส้นผ่านศูนย์กลางของส่วนที่เป็นเกลียวในเรียกว่า do (do = 0.85d) สำหรับสลักเกลียวแขวน (DIN [&hellip;]</p>