บ้าน / / ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ / 12 ประเภทคลังสินค้าที่ได้รับความนิยมในโลจิสติกส์

12 ประเภทคลังสินค้าที่ได้รับความนิยมในโลจิสติกส์

ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ - 25/02/2025

เนื้อหา hide

1. ความหมายและบทบาทสำคัญของคลังสินค้าในโลจิสติกส์และการบริหารซัพพลายเชน

ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การเลือกประเภทของคลังสินค้ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่าย ความเร็วในการขนส่ง และคุณภาพของสินค้า บทความนี้จะนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทของคลังสินค้าที่พบได้บ่อยในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างรอบคอบสำหรับธุรกิจของคุณ

1.1. คลังสินค้า หมายถึงอะไร ?

คลังสินค้า หรือที่เรียกว่าโกดังสินค้า เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกออกแบบและสร้างขึ้นโดยเฉพาะเพื่อใช้ในการจัดเก็บ ดูแลรักษา และบริหารสินค้าต่างๆ คลังสินค้ามีบทบาทสำคัญในโลจิสติกส์และการบริหารซัพพลายเชน ช่วยให้สินค้าสามารถเคลื่อนย้ายจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1.2. บทบาทของคลังสินค้า

  • ศูนย์กลางของซัพพลายเชน: ทำหน้าที่เป็นแกนหลักสำหรับการจัดเก็บและกระจายสินค้า
  • พื้นที่จัดเก็บสินค้า: รับรองว่าสินค้าถูกเก็บอย่างเป็นระบบ ปลอดภัย และรักษาคุณภาพ
  • การจำแนกสินค้า: จัดเรียงตามประเภท ขนาด และมูลค่า เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารและติดตามสต็อก
  • การจัดเรียงสินค้า: ใช้ชั้นวาง พาเลท หรือโครงเหล็กเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่
  • การควบคุมสต็อกสินค้า: ระบบบริหารคลังสินค้าสมัยใหม่ช่วยติดตามปริมาณสินค้าเข้า-ออก และสินค้าในสต็อกแบบเรียลไทม์
  • การลดต้นทุนการจัดเก็บ: การใช้คลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดค่าเช่า ค่าดูแล และค่าแรง
ความหมายและบทบาทที่สำคัญของคลังสินค้า

2. ประเภทของคลังสินค้าในโลจิสติกส์

2.1. คลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse)

เป็นสถานที่จัดเก็บสินค้าที่ได้รับอนุญาตจากศุลกากร ธุรกิจสามารถเก็บสินค้านำเข้าไว้ที่นี่โดยยังไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ช่วยลดภาระทางการเงินและเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารสินค้าคงคลัง

2.2. คลังสินค้าในพื้นที่ห่างไกล (Inland Warehouse)

ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดิน เหมาะสำหรับการขนส่งทางถนนและทางรถไฟ ลดต้นทุนการขนส่งแต่ไม่สะดวกสำหรับสินค้านำเข้าและส่งออกที่ต้องผ่านท่าเรือ

2.3. คลังสินค้าชายฝั่ง (Coastal Warehouse)

ตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือ สะดวกต่อการขนส่งทางเรือ ช่วยลดเวลาในการนำเข้าและส่งออกสินค้า แต่มีค่าขนส่งที่สูงกว่าคลังสินค้าในพื้นที่ห่างไกล

2.4. คลังสินค้าชายแดน (Border Warehouse)

ตั้งอยู่ใกล้พรมแดนของประเทศ สะดวกต่อการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน แต่ต้องปฏิบัติตามระเบียบทางศุลกากรที่เข้มงวดกว่าคลังสินค้าชายฝั่ง

2.5. คลังสินค้าผ่านแดน (Transit Warehouse)

ทำหน้าที่เป็นจุดรวมสินค้าเพื่อรวบรวม แยกประเภท และกระจายสินค้าไปยังจุดหมายปลายทาง มีระยะเวลาการจัดเก็บสั้นและมักตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์

คลังสินค้าขนส่งในการให้บริการโลจิสติกส์

2.6. คลังสินค้าเย็น (Cold Storage Warehouse)

ใช้สำหรับเก็บรักษาอาหาร ยา และสารเคมีที่ต้องการอุณหภูมิพิเศษ แม้ว่าจะช่วยรักษาคุณภาพสินค้า แต่มีต้นทุนการลงทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูง

การจัดเก็บอาหาร เวชภัณฑ์ และสารเคมีต้องการสภาวะอุณหภูมิที่เหมาะสมเป็นพิเศษ

2.7. คลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse)

ใช้ระบบอัตโนมัติในการควบคุมและบริหารจัดการสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและลดค่าแรง แต่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ

2.8. คลังสินค้าสาธารณะ (Public Warehouse)

ให้บริการจัดเก็บสินค้าสำหรับหลายธุรกิจ เหมาะสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น ต้องการพื้นที่จัดเก็บชั่วคราว หรือธุรกิจที่ต้องการขยายตลาดไปยังพื้นที่ใหม่

คลังสินค้าสาธารณะสำหรับบริการโลจิสติกส์

2.9. คลังสินค้าส่วนตัว (Private Warehouse)

เป็นคลังสินค้าที่ธุรกิจเป็นเจ้าของเองเพื่อควบคุมการดำเนินงานและลดต้นทุนการจัดเก็บ แต่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและมีข้อจำกัดด้านการขยายขนาด

2.10. คลังสินค้าที่ควบคุมอุณหภูมิ (Temperature-Controlled Warehouse)

มีระบบควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และการระบายอากาศ เหมาะสำหรับสินค้าที่ไวต่อสภาพแวดล้อม เช่น อาหารสด อาหารแช่แข็ง ยา และสารเคมี

2.11. คลังสินค้าอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce Warehouse)

ใช้สำหรับเก็บ แพ็ก และจัดส่งสินค้าสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยมักดำเนินงานโดยผู้ให้บริการโลจิสติกส์บุคคลที่สาม (3PL)

คลังสินค้าอีคอมเมิร์ซสำหรับบริการโลจิสติกส์

2.12. คลังสินค้าสถานีขนส่งสินค้า (Container Freight Station – CFS)

เป็นศูนย์รวมสินค้าสำหรับการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ โดยเฉพาะสินค้าประเภท LCL (Less than Container Load) ช่วยลดต้นทุนการขนส่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่ตู้คอนเทนเนอร์

3. ข้อควรคำนึงเมื่อสร้างคลังสินค้า

3.1. กำหนดความต้องการและวัตถุประสงค์ของคลังสินค้า

  • ระบุประเภทสินค้า ปริมาณ และระดับอัตโนมัติที่ต้องการ
  • เลือกวัสดุก่อสร้างและระบบจัดเก็บที่เหมาะสม

3.2. เลือกทำเลก่อสร้างที่เหมาะสม

  • ต้องสามารถเชื่อมโยงกับเส้นทางขนส่งหลักและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น
  • มีระบบไฟฟ้า น้ำ และอินเทอร์เน็ตที่เสถียร
  • มีพื้นที่ขยายตัวในอนาคต

3.3. การออกแบบและการก่อสร้างโกดังคลังสินค้า

  • โครงสร้างแข็งแรง: ใช้โครงสร้างเหล็ก คอนกรีตเสริมเหล็ก หรือวัสดุอื่น ๆ ที่เหมาะสมในการสร้าง คลังสินค้า เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความสามารถในการรับน้ำหนัก โดยเฉพาะเมื่อจัดเก็บสินค้าที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก
  • หลังคาและฉากกั้น: เลือกใช้วัสดุที่กันน้ำและมีฉนวนกันความร้อนที่ดี เพื่อปกป้องสินค้าไม่ให้ได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศ และช่วยรักษาระดับความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสมภายใน ศูนย์กระจายสินค้า
  • ระบบประตู: ติดตั้งระบบประตูและช่องระบายอากาศที่มีขนาดเหมาะสม เพื่อให้สะดวกและปลอดภัยต่อการขนย้ายสินค้า
  • ระบบไฟฟ้าและน้ำประปา: ออกแบบระบบไฟฟ้าและน้ำให้มีความสามารถรองรับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ระบบไฟส่องสว่าง ระบบดับเพลิง และอุปกรณ์ที่ใช้ใน คลังสินค้า เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น
  • ระบบป้องกันอัคคีภัย: ติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยที่ทันสมัย เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรและทรัพย์สินภายใน คลังสินค้า
  • ระบบรักษาความปลอดภัย: ติดตั้งกล้องวงจรปิดและระบบเตือนภัย เพื่อป้องกันการบุกรุกและรักษาความปลอดภัยของคลังสินค้า

3.4. การเลือกใช้วัสดุ

  • วัสดุที่มีความทนทานสูง: ใช้วัสดุที่สามารถรับน้ำหนักได้มาก ทนต่อความชื้นและแมลงศัตรูพืช เพื่อยืดอายุการใช้งานของ คลังสินค้า และ ศูนย์กระจายสินค้า
  • วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุที่ช่วยประหยัดพลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • วัสดุที่เหมาะกับสภาพอากาศ: เลือกวัสดุที่เหมาะกับสภาพอากาศในพื้นที่ตั้งของ คลังสินค้า เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

3.5. วิธีการบริหารจัดการคลังสินค้าอย่างเป็นระบบ

  • ใช้ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (WMS): เพื่อติดตามและบริหารพื้นที่ ปริมาณสินค้า และสภาพของสินค้าใน คลังสินค้า แต่ละประเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การฝึกอบรมพนักงานอย่างมืออาชีพ: จัดอบรมพนักงานเกี่ยวกับกระบวนการทำงานใน คลังสินค้า ความปลอดภัยในการทำงาน และการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างถูกต้อง
  • การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน: วางแผนบำรุงรักษาอุปกรณ์และโครงสร้างต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่า ศูนย์กระจายสินค้า และ คลังสินค้า ยังคงมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน
ข้อควรพิจารณาที่สำคัญในการก่อสร้างคลังสินค้าเพื่อการดำเนินงานโลจิสติกส์

คลังสินค้า มีบทบาทสำคัญในระบบโลจิสติกส์และการบริหารห่วงโซ่อุปทาน มีคลังสินค้าหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ธุรกิจจึงจำเป็นต้องเลือก คลังสินค้า และ ศูนย์กระจายสินค้า ที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากระบบคลังสินค้าได้อย่างเต็มที่

สำหรับโซลูชันครบวงจรด้านการก่อสร้าง คลังสินค้า โปรดติดต่อ Pebsteel ทางอีเมล [email protected] หรือโทร 02-258-4641 เพื่อรับคำแนะนำทันที!

logo-switcher

เว็บไซต์ในแต่ละประเทศ

เว็บไซต์ของสำนักงานใหญ่

รู้จักเกี่ยวกับเราเปปสตีล, โซลูชั่นและโครงการของเราทั่วโลก

เว็บไซต์ของสำนักงานใหญ่
logo

เว็บไซต์ของสำนักงานใหญ่

รู้จักเกี่ยวกับเราเปปสตีล, โซลูชั่นและโครงการของเราทั่วโลก

เว็บไซต์ของสำนักงานใหญ่